รีวิวหนังสือ London Book Sanctuary

 ขอบคุณหนังสือเล่มนี้ “ London Book Sanctuary ” ที่มาต่อเติมความฝันฉันให้กระจ่างชัด

ฉันมีความฝันที่แอบซ่อนมานานตั้งแต่วัยเด็ก หนังสือเล่มนี้เหมือนมาคอนเฟิร์มทำให้ฉันมีความมั่นใจในสิ่งที่คิดไว้มากขึ้น 


London Book Sanctuary เนื้อหาในหนังสือ เป็นการรีวิวร้านหนังสืออิสระในลอนดอนประเทศอังกฤษ ระหว่างที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กำลังศึกษาต่อที่นั้น 


เนื่องจากผู้เขียนเป็นทั้งนักอ่านและนักเขียนอยู่แล้ว ทำให้เธอสนใจและมีโอกาสแวะเวียนเข้าร้านหนังสือหลายแห่งในลอนดอนเป็นประจำ ต่อมาเธอถูกชักชวนจากสำนักพิมพ์ให้เขียนบทความเกี่ยวกับร้านหนังสือเหล่านี้



วิธีการรีวิวของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นการสัมภาษณ์เจ้าของร้านหนังสือ เจาะลึกถึงที่มาที่ไป เป้าหมายและเหตุผลในการเปิดร้านหนังสือของแต่ละร้าน จำนวน 15 ร้านแต่ละร้านมีคอนเซ็ปต์และเอกลักษณ์แตกต่างกัน  อย่างเช่น ร้าน The Atlantis Bookshop เป็นร้านขายหนังสือโหราศาสตร์ ประวัติศาสตร์เวทมนตร์คาถา ตำราอาหารเพื่อเพิ่มเสน่ห์ ฯลฯเนื่องจากเจ้าของร้านมีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ 


ถัดมาคือร้าน IWN Bookshop เป็นร้านหนังสือในพิพิธภัณฑ์ ขายหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงคราม อย่างเช่น การเอาตัวรอดในป่าช่วงสงคราม บทกวีและจดหมายรักจากทหารในแนวหน้า ฯลฯ ผู้เขียนบอกว่าตื่นตาตื่นใจเหมือนเธอเป็นอลิซหลงเข้าไปในโพรงกระต่ายเพราะเจอแต่สิ่งมหัศจรรย์   


จึงเห็นได้ว่าร้านหนังสือเหล่านี้แต่ละร้านมีสไตล์และมีเสน่ห์ดึงดูดที่แตกต่างกัน ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าร้านหนังสือเหล่านั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความขลัง หรือ มีพลังลึกลับซ่อนอยู่ ตามชื่อหนังสือเลยทีเดียว 


ลักษณะรูปเล่มหนังสือเล่มนี้เหมือนหนังสือที่ผลิตในต่างประเทศ ทำด้วยกระดาษถนอมสายตา ภาพประกอบในหนังสือมีทั้งภาพจริง และภาพลายเส้นที่ผู้เขียนวาดเอง ทำให้ดูปราณีตสวยงาม  อ่านเพลิดเพลินไม่น่าเบื่อ


แต่มีร้านหนังสือสองร้านที่ฉันประทับใจ


ร้านแรกคือ ร้าน Lutyens & Rubinstein Bookshop  ร้านหนังสือสีขาว หน้าร้านสะดุดตาแต่ที่มากกว่านั้นคือ ร้านนี้มีการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกให้มาอ่านหนังสือด้วยกัน หรือ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหนังสือที่ชอบเป็นประจำ เป็นเสมือนห้องนั่งเล่นอบอุ่นประจำชุมชน


ร้านหนังสือแห่งนี้เกิดขึ้นจากไอเดียของผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกันสองคน แรงบันดาลใจของทั้งสองมาจากวัยเด็กที่ชอบเข้าร้านหนังสือแถวบ้าน ทำให้พวกเธอรู้สึกรักและผูกพัน ทั้งคู่จึงตั้งใจว่าโตขึ้นจะมอบความสุขที่พวกเธอเคยได้รับกลับคืนสังคม ให้ที่นี่เป็นร้านหนังสือชุมชน 


สำหรับร้านที่สองชื่อร้าน Hulingham Books เป็นร้านขายหนังสือเก่าของชายวัยเกษียณชื่อ Ray Cole ที่ไม่หวังทำเงินจากธุรกิจนี้ เพราะเขาทำด้วยใจรัก สมัยเด็กเขาไม่เคยชอบหนังสือเพราะเคยโดนครูบังคับให้อ่านหนังสือ แต่ตอนนี้เขาหลงรักหนังสือ หลังจากที่ทำงานหาเลี้ยงชีพในธุรกิจหนังสือมานาน เขาบอกว่าหนังสือคือ สิ่งที่บรรจุชีวิตคนเขียนไว้ข้างใน เราไม่ต้องเหนื่อยออกแรงปีนเขาหรือล่องเรือรอบโลกแต่ก็รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นได้จากหนังสือ สำหรับคนอายุเท่าเขา การอ่านหนังสือเหมือนการได้ผจญภัยรูปแบบหนึ่ง 


Ray cole เจ้าของร้านวัย 70 กว่า ให้แง่คิดที่น่าทึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนวัยนี้คือ พวกเขาเชื่อว่าตัวเองแก่แล้ว ทำงานมาเยอะแล้ว เหนื่อยแล้ว ตอนนี้เลยไม่อยากทำอะไร แต่การทำร้านหนังสือสำหรับเขาไม่ใช่งานหนัก มันเป็นแรงกระตุ้น เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอยากตื่นขึ้นมาทุกวัน เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าแต่ละวันจะมีหนังสือแบบไหน หรือ ลูกค้าแบบไหนเข้ามาในร้าน พลังชีวิตของเขาคือเรื่องราวในหนังสือและบทสนทนาดี  ที่ได้จากลูกค้า การทำงานแบบนี้แหละทำให้ร่างกายและจิตใจของเขายังแข็งแรงอยู่ 


คอนเซ็ปต์ของร้านหนังสือทั้งสองร้านนี้ ทั้งแนวคิดเปิดร้านหนังสือของชุมชนเพื่อตอบแทนสังคม และการไม่คาดหวังผลตอบแทนในรูปแบบเงินจากทำธุรกิจร้านหนังสือโดนใจฉันอย่างจัง


ตามที่เกริ่นไป ตอนนี้ฉันเกษียณมาแล้วตอนนี้ย่างเข้าสู่ปีที่สอง ความฝันหลังเกษียณของฉันที่ว่าแอบซ่อนไว้มานานนั่นคือ การเปิดร้านหนังสือ 


สมัยฉันเรียนอยู่ชั้นประถม เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงฉันชอบเข้าไปหมกตัวอ่านหนังสือในห้องสมุดอยู่เป็นประจำ หนังสือวรรณกรรมเยาวชนจะถูกเก็บไว้ในตู้ใส่กุญแจอย่างดี  ซึ่งฉันไม่รู้เหตุผล ) แต่ฉันได้รับอภิสิทธิ์จากครูบรรณารักษ์ให้กุญแจตู้แก่ฉันให้เปิดอ่านได้ตามสบาย คงเพราะเห็นฉันชอบอ่านหนังสือประเภทนี้


เหตุผลที่ฉันอยากเปิดร้านหนังสือ เพราะอยากจะส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือกันมากขึ้น ร้านนี้จะเป็นเสมือนห้องนั่งเล่น หรือ ห้องอ่านหนังสือของฉัน จึงเป็นที่มาของชื่อร้านว่า Aoycraft’s living room หรือ ร้านห้องนั่งเล่นของอ้อยคราฟต์



สถานที่จัดตั้งร้านพร้อมแล้ว แต่ต้องรอปรับปรุงและตกแต่งภายในเพิ่มเติม


คนรอบข้างฉันส่วนใหญ่สงสัยว่า ฉันจะเปิดร้านขายหนังสือไปทำไม ทั้ง  ที่รู้ว่าสมัยนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง 


ซึ่งฉันรู้ดีว่าธุรกิจนี้ไม่ทำกำไรเป็นตัวเงินแน่  เพราะกำไรที่จะได้มาจากธุรกิจนี้ คือความสุข ต่างหาก


หนังสือ London Book Sanctuary จะทำให้คุณมีความกล้าที่จะทำตามหัวใจของตนเองหรือเปล่า ฉันไม่รู้ แต่หนังสือเล่มนี้ได้มาช่วยต่อเติมความฝันของฉันให้ชัดเจนมากขึ้นฉันตอนนี้มีความพร้อมทั้งวัยและเวลาสมควรที่จะทำตามความฝันนี้ให้เป็นจริงเสียที


นึกถึงคำพูดของสตีฟ จ้อปส์ “ อย่าปล่อยให้เสียงนกเสียงกาของผู้อื่น มาบั่นทอนความเชื่อมั่นของคุณเองลงได้ และที่สำคัญ จงมีความกล้าที่จะทำตามหัวใจ และสัญชาตญาณของตนเอง “


ถ้าหากห้องนั่งเล่นอ้อยคราฟต์เปิดร้านอย่างเป็นทางการแล้ว (คงอีกไม่นานขอเชิญคุณผู้อ่านแวะมานั่งเล่นชิล  จิบชา จิบกาแฟ กินขนม คุยเรื่องหนังสือที่ชอบ ภาพยนตร์ที่ใช่ หรือ เม้าท์มอยเรื่องต่าง  กันได้ที่ร้าน “Aoycraft’s living room“ นะคะ 


ชื่อหนังสือ London Book Sanctuary 

นักเขียน ฟาน ปิติ

ความหนา 200 หน้า

ราคา 345 บาท


แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปค่ะ


อ้อยคราฟต์

ชอบปลูกกุหลาบ รักการอ่าน หลงใหลการเขียน


บทความที่ 31/1,000 (blogger)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำบล็อก Aoycraft ‘s living room

ปลูกกุหลาบสายชีวภาพ ฝึกการทำใจและปล่อยวาง