ปีใหม่นี้ถ้าสามารถขอของขวัญได้เพียงชิ้นเดียวคุณจะขออะไร
ปีใหม่มาถึงแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะเตรียมตัวหาซื้อของขวัญให้คนอื่น โดยลืมคนสำคัญที่สุดในชีวิตนั่นคือ ตัวเราเอง ตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา ชีวิตเราคงไม่มีความสุขแต่เพียงอย่างเดียว คงผ่านช่วงเวลาที่มีความทุกข์ ไม่ว่าจากเรื่องงาน การเงิน ความรักสุขภาพ หรือเรื่องอะไรก็ตาม เมื่อถึงปีใหม่จึงควรให้รางวัลสำหรับตัวเองบ้าง
อ้อยคราฟต์ได้ดูยูทูบช่องปลดล็อกกับหมอเวช ตอน ของขวัญปีใหม่สำหรับตัวเอง จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งตรงกับช่วงเวลาปีใหม่พอดี
วิถีชีวิตคนเราปัจจุบันเร่งรีบ ตื่นเช้ามาเราต้องเปิดทีวีฟังข่าว อ่านไลน์ ดูเฟซบุ๊ก ติดตามข่าวสาร ดูแล้วก็มีความเครียดโดยเฉพาะช่วงนี้มีการระบาดโรคโควิด 19 ฯลฯ สิ่งเหลานี้เป็นกิจกรรมประจำวันที่ทำไปโดยอัตโนมัติ เราใช้เวลาไปกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากมายจนบางครั้งเราตัดสินใจไม่ได้ ทำให้สมองวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เมื่อสิ้นวันจึงรู้สึกหนื่อยและล้า เวลาหนึ่งปีผ่านไป จึงรู้สึกมีความทุกข์มากกว่ามีความสุข สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับตัวเรา แต่ในความเป็นจริงโลกนี้มันไม่แน่นอน ถึงแม้เราจะหาข้อมูลมาได้มากมายแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังตัดสินใจไม่มีประสิทธิภาพอยู่ดี จึงเสียเวลารับรู้หรือค้นหาข้อมูลไปอย่างเปล่าประโยชน์
การเอาเวลาในชีวิตกลับคืนมาให้ตัวเอง จึงเป็นของขวัญในปีใหม่ที่จะพูดถึงนี้
เวลาเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะเป็นของขวัญได้อย่างไร นพ.ประเวช ยูทูบเบอร์ซึ่งเป็นจิตแพทย์ ท่านให้แนวคิดว่า ให้เอาเวลาจากการบริโภคข้อมูลข่าวสารมาฝึกญานหยั่งรู้หรือ intuition เพื่อพัฒนาความรู้สึกจิตวิญญานภายในของเราเอง ดีกว่าการไล่ติดตามข้อมูลเหล่านั้น ถ้าเรามีญานหยั่งรู้นี้แล้วเราจะได้ทุกอย่างไม่ว่า ความสุข ความสงบความมั่งมี ตามเป้าหมายที่เราอยากได้ เพราะญานหยั่งรู้จะทำให้เราเข้าถึงตัวเองได้ดีขึ้น การตัดสินใจดีขึ้น ควบคุมตัวเองได้มากขึ้น เมื่อเรารู้ตัวมากขึ้นจึงจะรู้ว่าเราต้องการอะไร อะไรสำคัญและจำเป็นสำหรับเราที่แท้จริง จึงเป็นของขวัญปีใหม่ชิ้นเดียวที่ได้มาแล้วคุ้ม
สมองคนเรามีความสามารถมากกว่าการคิดวิคราะห์ เช่น การเก็บความทรงจำต่าง ๆซึ่งจะอยู่ลึกกว่าสมองส่วนคิดวิเคราะห์ ในอดีตที่ข้อมูลข่าวสารยังไม่ท่วมท้นแบบปัจจุบัน มนุษย์มีญานหยั่งรู้ โดยเป็นเหมือนมีลางสังหรณ์ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น มนุษย์มีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ต่อมามนุษย์ถูกฝึกให้คิดวิเคราะห์ตลอดเวลาจึงทำให้หลุดออกจากศักยภาพด้านนี้ ถ้าเราเข้าใจกระบวนการคิดของสมอง เราก็จะสามารถพัฒนาความสามารถของสมองในด้านนี้กลับมาอีกครั้ง และเป็นการสร้างสมดุลของสมองตามธรรมชาติ
สมัยที่วิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญก้าวหน้า มนุษย์ใช้สมองส่วนนี้ในการตัดสินใจมาก่อนเพราะสมองมีความสามารถที่จะเข้าถึงความรู้สึกลึก ๆ อะไรบางอย่างที่จะมาช่วยเราตัดสินใจทั้งเรื่องในชีวิตประจำวัน การตอบปัญหาที่การคิดวิเคราะห์ตีบตันให้คำตอบไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือ มาแก้ปัญหาอาการคิดไม่ออก นั่นเอง
ชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียนแดงจะมีภูมิปัญญาด้านนี้ ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือนจะมีการรับรู้พิเศษ จึงมีพิธีโบราณให้พวกผู้หญิงเหล่านี้มานอนหันหัวเข้าหากันล้อมเป็นวงกลมซึ่งการนอนหลับร่วมกันแบบนี้เชื่อว่าจะทำให้เกิดการฝันร่วมที่เป็นการรับรู้สิ่งสำคัญต่อการอยู่รอดของเผ่าพันธ์ุ นั่นคือ ความสามารถบอกตำแหน่งสถานที่ที่จะมีอาหาร แหล่งที่มีสัตว์ให้ผู้ชายออกไปล่าเอามาทำเป็นอาหาร เป็นต้น
วิธีฝึกการเข้าถึงญานหยั่งรู้
- ฝึกทำอะไรให้ช้าลง ถ้าเร่งรีบจะทำให้ไม่มีเวลาเชื่อมต่อกับตัวเอง โดยอาจจะเริ่มต้นวันละ 10 นาที เป็นเวลาที่ปิดรับข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย ตัดภารกิจที่ไม่จำเพื่อให้มีพื้นที่ภายในของตัวเอง หยุดการคิดวิเคราะห์ หยุดการนำข้อมูลข่าวสารใส่สมองของตนเอง เปิดใจกว้างมองสิ่งต่าง ๆ อย่างสดใหม่ โดยไม่ด่วนสรุป และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- จัดเวลาให้อยู่กับธรรมชาติและฝึกศาสตร์โบราณต่าง ๆ อาทิเช่น ไทเก้ก ชี่กงโยคะ สมาธิ จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายทำให้เกิดการเชื่อมต่อเข้าสู่ภายในตัวเอง
- จัดดีท็อกซ์ทางเทคโนโลยี ถ้าอยากจะมีความสุข ความพอใจ สามารถเข้าถึงสมองส่วนที่เป็นความรู้สึกลึก ๆ เข้าถึงญานหยั่งรู้ภายในตัวเองให้ดีขึ้น ต้องล้างพิษการสื่อสาร จัดเวลาที่จะวางโทรศัพท์ เช่น เวลาไปเที่ยวพักผ่อน ไม่ต้องมีโทรศัพท์อยู่กับตัวเองตลอดเวลา อย่าพยายามแต่หามุมสวย ๆ ถ่ายรูปจนหมดเวลาที่จะดื่มด่ำกับความรู้สึกและบรรยากาศในตอนนั้น
- จัดสิ่งแวดล้อมรอบตัว เคลียร์จัดเก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบแนวมินิมอลลิสต์เพื่อให้เรียบง่าย การมองเห็นพื้นที่สะอาด ๆ โล่ง ๆ เป็นระเบียบ จะทำให้สมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- จัดพื้นที่พิเศษ อาจจะเป็นห้องพระ เป็นที่รวมของที่ศักดิ์สิทธิมีคุณค่าทางจิตใจ เป็นพื้นที่ที่เราจะนั่งสมาธิ จัดพิธีหรือกิจกรรมที่จะทำให้เราสงบกลับมาอยู่กับตัวเอง
ตามความเข้าใจของอ้อยคราฟต์ การฝึกญานหยั่งรู้ คงเป็นเหมือนการต่อยอดจากการฝึกเจริญสติในศาสนาพุทธ ถ้าใครหมั่นฝึกเจริญสติบ่อย ๆ และเพิ่มเติมกิจกรรม 5 ข้อดังกล่าว อาจจะทำให้ได้ญานหยั่งรู้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เรื่องความเชื่อแต่เป็นการฝึกสมองให้มีความสามารถแบบนี้คืนมา
คนวัยเกษียณเป็นวัยที่มีเวลาแล้ว ถ้าลองมาฝึกญานหยั่งรู้เพื่อรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามความเป็นจริงของคนในวัยนี้ เพราะวัยนี้มีความท้าทายหลายอย่าง เช่น ระบบข้อมูลชีวภาพร่างกายเสื่อมถอยลง สภาพจิตใจเริ่มไม่คึกคักเหมือนวัยหนุ่มสาว จึงควรฝึกยอมรับการเปลี่ยนแปลง ความเสื่อมของร่างกายที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อน เรื่องนี้จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เพียงแต่จัดระบบตัวเองให้มีเวลามาฝึกญานหยั่งรู้ตามวิธีที่หมอประเวชพูดถึง เป็นของขวัญปีใหม่ในปีนี้แทนของขวัญที่เป็นวัตถุสิ่งของ หรือ ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต เพราะคนวัยเกษียณน่าจะมีสิ่งเหล่านี้ครบหมดแล้ว
การให้เวลาตัวเองเป็นของขวัญปีใหม่โดยเอาเวลามาฝึกญานหยั่งรู้ จึงเป็นสิ่งท้าทายไม่ว่าในวัยไหน ถ้าฝึกได้เร็ว เรียนรู้เร็ว จะทำให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคไม่แน่นอนเวลานี้ได้ และเป็นขวัญชิ้นเดียวที่ถ้าเราฝึกได้จะสามารถทำให้เราได้หมดทุกอย่าง สามารถควบคุมตัวเองได้ ใช้สมองเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นได้ มีภูมิปัญญามากขึ้น ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จและมีความสุขอยู่ในโลกยุคนี้
ฟังต่อในคลิปยูทูบได้ที่ https://youtu.be/Sv-Sub5d2TM
ภาพจาก pixabay
อ้อยคราฟต์
เชื่อว่าการอ่าน การเขียน และการปลูกกุหลาบ ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
บทความที่ 65/1
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่อ้อย มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ
ตอบลบขอบคุณค่าพี่จวนจ้า ขอพรนี้ก็กลับไปหาพี่จวนเช่นกันค่า
ลบ